อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงต่อผลการปฏิบัติงาน ผ่านแรงจูงใจและความพึงพอใจในงานของพนักงานบริษัทผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมเหล็ก จังหวัดระยอง

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจในงาน ความพึงพอใจในงาน และผลการปฏิบัติงานของพนักงาน 2) ศึกษาอิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการปฏิบัติงานผ่านแรงจูงใจในงานของพนักงาน และ 3) ศึกษาอิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการปฏิบัติงานผ่านความพึงพอใจในงานของพนักงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานบริษัทผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมเหล็ก จังหวัดระยอง จำนวน 180 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามประกอบด้วย ปัจจัยภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจในงาน ความพึงพอใจในงาน และผลการปฏิบัติงาน โดยได้รับการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคมีค่าเท่ากับ 0.946 สถิติที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (SEM) โดยโปรแกรม Smart PLS 3.0 ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจในงาน ความพึงพอใจในงาน และผลการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมเหล็กจังหวัดระยองมีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ 3.71 3.63 3.50 และ 3.90 ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางตรงต่อแรงจูงใจในงาน ความพึงพอใจในงาน และผลการปฏิบัติงาน โดยมีค่าเท่ากับ 0.791 0.610 และ 0.271 ตามลำดับ แรงจูงใจในงานมีอิทธิพลทางตรงต่อผลการปฏิบัติงานมีค่าเท่ากับ 0.532 และความพึงพอใจในงานมีอิทธิพลทางตรงต่อผลการปฏิบัติงานโดยมีค่าเท่ากับ 0.225 2) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางอ้อมต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานผ่านแรงจูงใจในงานของพนักงานโดยมีค่าสัมประสิทธิ์ขอบเขตล่างเท่ากับ 0.248 และขอบเขตบนเท่ากับ 0.503 และ 3) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางอ้อมต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานผ่านความพึงพอใจในงานของพนักงานโดยมีค่าสัมประสิทธิ์ขอบเขตล่างเท่ากับ 0.080 และขอบเขตบนเท่ากับ 0.268 ซึ่งผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจในงาน และความพึงพอใจในงานที่ส่งผลให้ผลการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์การมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงขึ้น