Compassionate Use Program in Thailand: Analysis of Current Readiness Status and Review of Critical Gaps

Abstract

บทคัดย่อ   วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความตระหนักรู้และความพร้อมของแพทย์อายุรศาสตร์มะเร็งในประเทศไทยเกี่ยวกับ compassionate use ในแง่ของความต้องการข้อมูล ความเข้าใจ และมุมมองที่มีต่อ compassionate use  programs (CUPs) ต่อยามะเร็งรายการที่ยังไม่ได้ถูกอนุมัติให้ใช้โดยทั่วไป วิธีการศึกษา: ใช้แบบสำรวจที่มีโครงสร้างที่เข้าถึงได้แบบออนไลน์โดยสมัครใจและไม่เปิดเผยตัวส่งให้กับแพทย์อายุรศาสตร์มะเร็งที่เข้าร่วมโครงการ CUP ของบริษัทไฟเซอร์ ระหว่างวันที่ 29 เมษายน ถึง 17 มิถุนายน 2563 ผลการศึกษา: มีแพทย์อายุรศาสตร์มะเร็งจำนวน 6 ท่านเข้าร่วมการสำรวจนี้แบบไม่เปิดเผยชื่อ จากผลการศึกษาไม่มีผู้ร่วมทำแบบสอบถามท่านใดทำการรักษาในสถานพยาบาลเอกชนเพียงอย่างเดียว (private practice) ผู้ร่วมทำแบบสอบถามส่วนใหญ่ (ร้อยละ 66.7) รายงานว่าสถาบันที่ตนสังกัดอยู่ไม่ได้ให้ความรู้หรือมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติของ CUP โดยครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมทำแบบสอบถามมีความรู้เกี่ยวกับ CUP และหลักปฏิบัติรวมถึงความรู้เรื่องระเบียบการขึ้นทะเบียนภายในประเทศในระดับปานกลาง และครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมทำแบบสอบถามเชื่อว่าการให้ความรู้ในหัวข้อ ‘ภาพรวมและระเบียบการขึ้นทะเบียน CUP ภายในประเทศ’ จะเป็นประโยชน์กับพวกเขา สรุป: แพทย์อายุรศาสตร์มะเร็งมีความต้องการการเผยแพร่การตระหนักรู้และความรู้ความเข้าใจในเรื่อง CUPs นอกจากนี้ ยังต้องการให้เกิดความชัดเจนที่มากขึ้นแง่ของกฎหมายและขบวนการสำหรับการนำเข้ายา compassionate use มาภายในประเทศ  คำสำคัญ: compassionate use, ประเทศไทย, ต้นแบบการศึกษา, แพทย์อายุรศาสตร์มะเร็ง, การสำรวจและแบบสอบถาม, ยารักษามะเร็ง Abstract Background: To evaluate the current knowledge and awareness of oncologists from Thailand on compassionate use of oncology products that are not approved for use in terms of educational needs, perceptions, and perspectives on compassionate use programs (CUPs). Methods: An anonymous, voluntary, structured, self-administered online survey was shared with the participating oncologists between 29 April 2020 and 17 June 2020. Results: A total of 6 oncologists participated in the survey. None of the respondents belonged to private practice. Majority of the respondents (66.7%) reported that their institutions do not provide the resources/training for CUP applications. Half of the respondents reported that their knowledge of CUP and application process including knowledge on country regulations is ‘Fair.. Half of the respondents believed that an educational model on ‘Country CUP regulations and overview’ would be helpful to them. Conclusion: There is a need for spreading awareness and educating the oncologists about CUP. There is also a need for providing clarity on regulations for importing drugs under compassionate use. The authors suggest that a clear roadmap with definitive timelines and easy to access procedure should be developed which will help the physicians to extend the support to more patients. Keywords: compassionate use; Thailand; educational model; oncologists; surveys and questionnaires; cancer drugs