รูปแบบการสั่งจ่ายยาและผลลัพธ์ทางคลินิกของการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันร่วมกับไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย Prescription Patterns and Clinical Outcomes of Antiplatelet Therapy in Acute Coronary Syndrome with End-Stage Renal Disease

Authors

  • Wannapat Techaikool
  • Narisara Boontan
  • Arintaya Promintikul
  • Mantiwee Nimworapan
  • Voratima Silavanich

Abstract

บทคัดย่อ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาลักษณะการสั่งใช้ยาต้านเกล็ดเลือดในผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันร่วมกับไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และประเมินผลลัพธ์ทางคลินิก วิธีการศึกษา: การศึกษาเชิงพรรณนาย้อนหลังในผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่มีไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายซึ่งได้รับยาต้านเกล็ดเลือดและมาติดตามการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ถึง 1 มกราคม 2560 โดยติดตามผู้ป่วยเป็นเวลา 1 ปี ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่าง 88 คน อายุเฉลี่ย 66.40 ปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 86.63) มีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิด non-ST-elevation myocardial infarction และไม่ได้รับการเปิดหลอดเลือดโดยได้รับการรักษาด้วยยา (ร้อยละ 63.64) ผู้ป่วยได้รับยาต้านเกล็ดเลือดสองชนิดร่วมกัน  (dual antiplatelet therapy; DAPT) 73 คน (ร้อยละ 82.45) ได้แก่ aspirin กับ clopidogrel (ASA+CLP) 69 คน,  aspirin กับ ticagrelor (ASAP+TCG) 3 คน และ aspirin กับ ticlopidine (ASA+TCP) 1 คน และได้รับยาต้านเกล็ดเลือดเดี่ยว 15 คน (ร้อยละ 17.05) พบผลลัพธ์หลัก 52 เหตุการณ์ ได้แก่ การกลับมาเป็นซ้ำของหัวใจขาดเลือด การกลับมารักษาที่โรงพยาบาล การเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น และเกิดภาวะหลอดเลือดในสมอง โดยกลุ่มที่ได้รับยาต้านเกล็ดเลือดเดี่ยวเกิดผลลัพธ์หลักร้อยละ 80 สำหรับกลุ่มที่ได้รับยาต้านเกล็ดเลือดสองชนิดร่วมกัน พบว่ากลุ่ม ASA+CLP เกิดผลลัพธ์หลักร้อยละ 55.07 กลุ่ม ASA+TCG เกิดร้อยละ 33.33 ในขณะที่ผลลัพธ์รอง มีภาวะเลือดออก 13 เหตุการณ์ โดยพบมากที่สุดในกลุ่ม ASA+TCG (ร้อยละ 66.67) สรุป: ผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันร่วมกับไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายส่วนใหญ่ได้รับยาต้านเกล็ดเลือดสองชนิดร่วมกัน ซึ่งยาชนิดหลัก คือ aspirin กับ clopidogrel โดยผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกล็ดเลือดชนิดเดี่ยวเกิดผลลัพธ์หลักสูงกว่าการใช้ยาสองชนิดร่วมกัน พบว่ากลุ่มที่ได้รับ aspirin กับ clopidogrel เกิดผลลัพธ์หลักสูงกว่ากลุ่ม aspirin ร่วมกับ ticagrelor แต่พบภาวะเลือดออกสูงในกลุ่มที่ใช้ aspirin กับ ticagrelor คำสำคัญ: ยาต้านเกล็ดเลือด, โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย Abstract Objective: To explore the prescribing patterns of antiplatelets and to evaluate their clinical outcomes in acute coronary syndrome (ACS) patients with end-stage renal disease (ESRD). Methods: This retrospective study collected data from medical records of ACS patients with ESRD who visited Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital from January 1st 2008 to January 1st, 2017. The treatment information was reviewed for 1 year since antiplatelet therapy initiation or until discontinuation. Results: Of the 88 ACS patients with ESRD, their average age was 66.40 years old. Most patients (86.63%) had non-ST-elevation myocardial infarction. Medical therapies without revascularization were used in 63.64%. Seventy three patients (82.45%) were prescribed dual-antiplatelet therapy (DAPT), specifically 69 patients with aspirin plus clopidogrel (ASA+CLP), 3 with aspirin plus ticagrelor (ASA+TCG), 1 patient with aspirin plus ticlopidine (ASA+TCP) and 15 (17.05%) with single antiplatelet agent. Primary outcomes occurred in 52 events which included recurrent nonfatal myocardial infarction, hospitalization, death from other causes, and nonfatal stroke. Primary outcomes were mostly found in patients receiving single antiplatelet (80%). In the patients receiving DAPT, ASA+TCP had the most primary outcomes (100%), followed ASA+CLP (55.07%), and ASA+TCG (33.33%). Bleeding (secondary outcomes) was mostly found in ASA+TCG (66.67%). Conclusion: Most patients with ACS and ERSD were prescribed DAPT, especially with ASA+CLP. More cardiovascular events were found with single antiplatelet drug than DAPT. Patients taking ASA+CLP had higher cardiovascular events than those using ASA+TCG. Higher incidence of bleeding   occurred in ASA+TCG. Keywords: antiplatelet therapy, acute coronary syndrome, end-stage renal disease

Downloads

Download data is not yet available.

Downloads

Published

2020-09-28