รูปแบบจิตวิทยาการบริหารความขัดแย้งของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อชี้บ่งรูปแบบจิตวิทยาการบริหารความขัดแย้งรูปแบบที่ 1 2) เพื่อหาระดับปฏิบัติการใช้วิธีการทางจิตวิทยาวิธีการทางการบริหาร และวิธีการบริหารความขัดแย้งสร้างเป็นรูปแบบที่ 2 3) เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างวิธีการทางจิตวิทยากับวิธีการทางการบริหาร และวิธีการบริหารความขัดแย้งซึ่งเป็นรูปแบบที่ 3 4) เพื่อหารูปแบบจิตวิทยาการบริหารความขัดแย้งที่เป็นรูปแบบที่ 4 ที่พัฒนาและปรับปรุงแล้วให้เป็นรูปแบบการปฏิบัติที่ดี กลุ่มตัวอย่างจำนวน 364 คน จากผู้บริหาร 28 มหาวิทยาลัยทุกสังกัดทั่วทุกภาคในประเทศไทย ที่ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 75 ข้อ ค่าความเชื่อมั่น .94 ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และจัดกลุ่มสนทนาเพื่อพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบจิตวิทยาที่ค้นพบทุกฉบับให้เป็นรูปแบบการปฏิบัติที่ดี สรุปผลการวิจัย : 1) ได้รูปแบบที่ 1 จากการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยวิธีการทางจิตวิทยา 9 ตัวชี้วัด วิธีการทางการบริหาร 4 ตัวชี้วัด และวิธีการบริหารความขัดแย้ง 6 ตัวชี้วัด 2) ได้รูปแบบที่ 2 จากการวิจัยเชิงปริมาณพบการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและตัวชี้วัดใน 3 กลุ่มองค์ประกอบ 3) จากค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พบรูปแบบที่ 3 เปลี่ยนแปลงตัวชี้วัดใน 3 กลุ่มองค์ประกอบหลักอีกครั้งหนึ่ง 4) จากการจัดกลุ่มสนทนาได้รูปแบบที่ 4 มีองค์ประกอบ 4 ตัวชี้วัดสำคัญในวิธีการทางจิตวิทยา ได้แก่ การยอมรับนับถือ ความรู้สึกอบอุ่น การแสดงออกที่เป็นบวก และการร่วมรู้สึกตามวัฒนธรรม 4 ตัวชี้วัดสำคัญในวิธีการทางการบริหาร ได้แก่ การนำ การวางแผน การจัดองค์การและการติดตามดูแล 4 ตัวชี้วัดสำคัญในวิธีการบริหารความขัดแย้ง ได้แก่ การลดความแตกต่าง การเน้นย้ำเป้าหมาย การปรับปรุงการสื่อสารและการทำความกระจ่างในกฎเกณฑ์ คำสำคัญ : รูปแบบจิตวิทยาการบริหารความขัดแย้ง
Article Details
How to Cite
พงศ์วิรัตน์ น. (2016). รูปแบบจิตวิทยาการบริหารความขัดแย้งของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 10(1). Retrieved from https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jre/article/view/7267
Section
บทความวิจัย (Research Articles)