การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกันสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Main Article Content

ยุวดี ชมชื่น

Abstract

บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนการเรียนและหลังการเรียนประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน (3) ศึกษาความสามารถในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์และการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน (4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียนวัดบางวัว (สายเสริมวิทย์) จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน  37 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประวัติศาสตร์ (2) แบบประเมินความสามารถในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ (3) แบบประเมินความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และ (4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน ผลการวิจัยปรากฏว่า (1) ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน เรียกว่า SIBERS ประกอบด้วยขั้นตอนการเรียนรู้ 6 ขั้นตอน ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพรูปแบบอยู่ในระดับดีมาก ( = 4.56, SD = 0.68) (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประวัติศาสตร์       ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังการเรียนโดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกันสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01(3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังการเรียนโดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกันสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (4) ความสามารถในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ของนักเรียนอยู่ในระดับดีมากโดยได้ค่าเฉลี่ยร้อยละ 85.46 และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอยู่ในระดับมากที่สุดโดยได้ค่าเฉลี่ยร้อยละ 87.04 และ (5) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกันอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.63, SD = 0.11) คำสำคัญ รูปแบบการจัดการเรียนรู้  วิธีการทางประวัติศาสตร์  การเรียนรู้แบบผสมผสาน การเรียนรู้แบบทำงานร่วมกัน ABSTRACT The purposes of this research were (1) to develop History Learning  Model through Historical Method, Blended Learning and Collaborative Learning for Matthayomsuksa II students (2) to compare Historical learning achievement before and after learning (3) to study students’ competence of  Historical Method and Technology application and (4) to study students’ satisfactory of History Learning Management Model. The sampling was 37 Matthayomsuksa II students in the second semester of 2017 academic year at WatBangwua (Saisermwit) School, Chachoengsao province. The research instruments were; 1) Historical Learning achievement tests 2) Historical Method competency test 3) Technology application competency test and 4.) Student’s satisfactory questionnaire. The findings of this research were as follows: 1. Getting History Learning Management Model through Historical Method, Blended Learning and Collaborative Learning for Matthayomsuksa II students named SIBERS having 6 stages evaluated by the experts was at the excellent level ( =4.56, SD = 0.68). 2. Students have the learning achievement score in History subject after learning higher than that one before learning and have the learning achievement score higher than the criteria score at the statistically significant.01 level. 3. Students have the learning achievement score in History subject after learning higher thanHigher than required level of statistically significance. 01. 4. Students’ competency score of Historical Method was at high level, the average score was 85.46 percent. And students’ competency score of Technology application was at high level, the average score was 87.04 percent. 5. Students’ satisfactory of History Learning management Model through Historical Method and Blended Learning was at highest level (= 4.63, SD = 0.11). Keywords:  Model of Teaching, Historical Method, Blened Learning, Collaborative Learning, Technology Application Competency

Article Details

How to Cite
ชมชื่น ย. (2018). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยประยุกต์วิธีการทางประวัติศาสตร์การเรียนรู้แบบผสมผสาน และการเรียนรู้แบบทำงานร่วมกันสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 13(2). Retrieved from https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jre/article/view/11050
Section
บทความวิจัย (Research Articles)