การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ 2) ประเมินประสิทธิผลของหลักสูตรการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 60 คน ซึ่งได้จากการสุ่มอย่างง่าย โดยแบ่งเป็นนักเรียนนำร่อง จำนวน 30 คน และนักเรียนในสถานการณ์จริง 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) หลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาล 2) แบบประเมินหลักสูตรฝึกอบรม 3) แบบทดสอบความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรการฝึกอบรม ดำเนินการวิจัย 2 ระยะ ระยะที่ 1 การสร้างหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ระยะที่ 2 การทดลองใช้และประเมินประสิทธิผลของหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือในสถานการณ์จริง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติทดสอบค่าที ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่าหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิผลของการใช้หลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาลด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่าคะแนนทดสอบหลังเรียนมีคะแนนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) ผลการประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรฝึกอบรมการปฐมพยาบาลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ ด้านเนื้อหา ด้านผู้สอน ด้านกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมิน ตามลำดับDownloads
Downloads
Published
Issue
Section
License
1) ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
2) เนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร และบทความต้องไม่คัดลอกผลงานของบุคคลอื่น
3) ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
4) ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน”
5) ต้องปรับบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ของวารสาร
6) ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
7) ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น กรณีที่มีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
8) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา
9) ไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิงหรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง ควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
10) ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้และ / หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (หากมี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ