การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
Abstract
บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 2) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษากับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองรวม 5 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้งครั้งละ 2 คาบ คาบละ 50 นาที พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 25.98 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5.888 สูงขึ้นกว่าก่อนเรียนที่มีค่าเฉลี่ย 12.52 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.473 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 มีจำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 25 ของนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนมีความพึงพอใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากโดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.27 คะแนนและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.69คำสำคัญ: การจัดการเรียนรู้ สะเต็มศึกษา AbstractThe purposes of this study were 1) to study the effectiveness of STEM learning activities on the students’ learning achievement; and 2) to assess students’ satisfaction towards STEM learning activities. The population of this study consisted of grade 7 students of Ongkharak Demonstration School during the second semester of the 2015 academic year. The duration of the research was five weeks in total with 2 periods per week. The results showed that after implementing STEM learning activities, the average score of students’ learning achievement was at 25.98 and standard deviation was at 5.888, both of which were significantly higher than before. The mean scores of students’ learning achievement after applying STEM learning activities were significantly higher than before with a .01 level of significance. In terms of the percentage of students’ learning achievement which was set at 70 percent, there were 11 students who passed this criteria, which was equal to 25 percent of the sample group. The students’ satisfaction towards STEM learning activities was at a high level with the average score at 4.27 and standard deviation at 0.69. Keywords: Learning Management, STEM EducationDownloads
Downloads
Published
Issue
Section
License
1) ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
2) เนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร และบทความต้องไม่คัดลอกผลงานของบุคคลอื่น
3) ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
4) ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน”
5) ต้องปรับบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ของวารสาร
6) ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
7) ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น กรณีที่มีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
8) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา
9) ไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิงหรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง ควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
10) ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้และ / หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (หากมี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ