ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายกที่ใช้รูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model
Abstract
บทคัดย่อการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความสามารถในการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ใช้รูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้สอนวิทยาศาสตร์ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก จำนวน 137 โรงเรียน กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายกโดยการสุ่มอย่างง่าย โรงเรียนละ 1 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง 137 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบประเมินการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model สำหรับผู้สอนวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าความต้องการ 5 ระดับ ประกอบด้วย ด้านการประเมินผล ด้านความรู้ความสามารถในการใช้สื่อเทคโนโลยี ด้านคุณลักษณะของครู และด้านการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และ 2) แบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model สำหรับผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าความต้องการ 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้มากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 และ 2) ผู้สอนวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายกที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning Model มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 คำสำคัญ: ความสามารถในการสอน รูปแบบการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนรู้ PCRS Learning ModelAbstractThe objectives of this research were: 1) to study the ability of the science teachers in Prathomsuksa 6 applying the PCRS Learning Model and 2) to study the satisfaction on the PCRS Learning Model of the science teachers in Prathomsuksa 6. The population were the teachers in Primary Educational Nakhon Nayok Service Area Office teaching science in Prathomsuksa 6 in the first semester, academic year 2017 from 137 schools. The samples were selected by the simple random sampling technique. The research instruments were: 1) an evaluation for appropriate Instructional PCRS Learning Model and 2) the questionnaire on the satisfaction of the PCRS Learning Model. The data was analyzed by the basic statistics including mean and standard deviation. The research results yielded that: 1) the ability of the science teachers in Prathomsuksa 6 applying the PCRS Learning Model was found at the highest level with the average of 4.51 from 5 scales 2) it was found that the satisfaction on the PCRS Learning Model was at the highest level with the average of 4.51.Keywords: The Ability of the Instructor, Learning Model, PCRS Learning ModelDownloads
Downloads
Published
Issue
Section
License
1) ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
2) เนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร และบทความต้องไม่คัดลอกผลงานของบุคคลอื่น
3) ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
4) ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน”
5) ต้องปรับบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ของวารสาร
6) ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
7) ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น กรณีที่มีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
8) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา
9) ไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิงหรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง ควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
10) ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้และ / หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (หากมี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ