การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรินทรวิโรฒ ที่เข้าศึกษาด้วยวิธีรับตรงและวิธีระบบรับกลาง ปีการศึกษา 2558

Authors

  • สุทธิวรรณ พีรศักดิ์โสภณ Srinakharinwirot University.
  • เกียรติยศ กุลเดชชัยชาญ Srinakharinwirot University.

Abstract

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีจากการรับตรงเป็นการยื่นคะแนนสอบวิชาสามัญ 7 วิชา และวิชา GAT–PAT ในปีการศึกษา 2558 ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาผลการเรียนเฉลี่ยสะสมของนิสิตชั้นปีที่ 1 ระหว่างกลุ่มที่เข้าศึกษาด้วยวิธีรับตรงและวิธีระบบรับกลางว่าแตกต่างกันหรือไม่ ใช้วิธีการวิจัยย้อนอดีต เครื่องมือวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูล โดยแหล่งข้อมูลนำมาจากฐานข้อมูลงานทะเบียนนิสิตปริญญาตรีที่เข้าศึกษาปีการศึกษา 2558 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิการกระจาย และสถิติทดสอบ t-testผลการวิจัยพบว่า นิสิตชั้นปีที่ 1 ที่เข้าเรียนด้วยวิธีรับตรงมี เกรดเฉลี่ยสะสมหรือผลการเรียนเฉลี่ยสะสมของนิสิตก่อนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มากกว่า 3.00 ยกเว้นนิสิตคณะคณะพลศึกษา และวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ที่มีเกรดเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 3.00 และนิสิตวิทยาลัยโพธิวิชชาลัยทั้งกลุ่มที่เข้าศึกษาด้วยวิธีรับตรงและวิธีระบบรับกลางมีเกรดเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 3.00 สำหรับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 โดยภาพรวมทั้งมหาวิทยาลัย พบว่านิสิตที่เข้าศึกษาทั้งสองวิธีนี้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาแต่ละคณะ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นปีที่ 1 ของนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะพลศึกษา และคณะเภสัชศาสตร์ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกนั้นไม่แตกต่างกันคำสำคัญ: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  เกรดเฉลี่ยสะสมสะสม  วิธีรับตรง และวิธีระบบรับกลาง แอดมิชชันSrinakharinwirot University has changed selecting students admitted directly by the university in academic year 2013 by submitting 7-subject scores and GAT-PAT scores. Thus the researcher would like to know how different learning achievement average score between the first year students admitted direct examination versus those admitted by admission. The study is Retrospective Cohort and is based on data collected by case record from Database Registration undergraduate students attended academic year 2558 whereas means, standard deviation, coefficient of variation and t-test were used in data analysis.The result found that the grade point average before studying in the university of the first year students who entered by direct examination was more than 3.00 mostly except the grade point average of the students in the faculty of physical education and college of social communication innovation were less than 3.00, furthermore the grade point average before studying in the university of students who entered by direct examination and admission in college of Bhodivijjalaya was also less than 3.00. For the accumulative learning achievement of the first year students there was no different between two groups, direct examination and admission. When comparative based on faculty, the result found that  there were significantly different between direct examination and admission of faculty of humanities, faculty of science, faculty of social science, faculty of physical education and faculty of pharmacy. In other faculties, grade point average of the first year students enrolled the direct examination and admission were not significantly different.Keywords: Academic Achievement, Grade Point Average, Direct Examination and Admission

Downloads

Download data is not yet available.

Author Biographies

สุทธิวรรณ พีรศักดิ์โสภณ, Srinakharinwirot University.

Educational and Psychological Test Bureau, Srinakharinwirot University

เกียรติยศ กุลเดชชัยชาญ, Srinakharinwirot University.

Educational and Psychological Test Bureau, Srinakharinwirot University.

Downloads

Published

2017-12-28

How to Cite

พีรศักดิ์โสภณ ส., & กุลเดชชัยชาญ เ. (2017). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรินทรวิโรฒ ที่เข้าศึกษาด้วยวิธีรับตรงและวิธีระบบรับกลาง ปีการศึกษา 2558. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 9(18, July-December), 220–229. Retrieved from https://ejournals.swu.ac.th/index.php/swurd/article/view/9588