เภสัชจลนศาสตร์และการทำนายประสิทธิผลของยาเซฟไตรอะโซน ในผู้ป่วยโรคเบต้า-ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี
Abstract
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ของยาเซฟไตรอะโซนขนาด 1 กรัม วันละครั้ง ในผู้ป่วยโรคเบต้า-ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี และทำนายประสิทธิผลการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของยาเซฟไตรอะโซน วิธีการศึกษา: อาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยจำนวน 18 คน ได้รับยาเซฟไตรอะโซนขนาด 1 กรัม ครั้งเดียว โดยหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำนาน 30 นาที หลังจากนั้นจึงเก็บตัวอย่างเลือดทั้งหมด 10 ครั้ง ๆ ละ 5 มิลลิลิตร ณ เวลาก่อนเริ่มให้ยา และที่เวลา 15, 30 (หลังจากที่ให้ยาหมดแล้ว), 40 นาที จากนั้นที่ 1, 2, 4, 8, 12 และ 24 ชั่วโมง หลังจากเริ่มให้ยา การวิเคราะห์ระดับยาในพลาสมาใช้หลักการโครมาโทกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) ผลการศึกษา: สำหรับการวิเคราะห์ค่าเภสัชจลนศาสตร์ พบว่าค่าคงที่ของการกำจัดยา (Ke) เฉลี่ยเท่ากับ 0.0860 ± 0.0146 ชั่วโมง-1 ค่าครึ่งชีวิตของการกำจัดยา (t1/2) เฉลี่ยเท่ากับ 8.27 ± 1.35 ชั่วโมง พื้นที่ภายใต้เส้นโค้งของความเข้มข้นของยาในพลาสมากับเวลา (AUC) เฉลี่ยเท่ากับ 1,544.66 ± 275.75 ชม.*มคก./มล. ปริมาตรการกระจายยา (Vd) เฉลี่ยเท่ากับ 7,847.09 ± 1338.35 มล. และค่าการกำจัดของยา (CL) เฉลี่ยเท่ากับ 667.22 ± 120.04 มล./ชม. ซึ่งมีค่าแตกต่างจากรายงานในคนสุขภาพดี ผลของการทำนายประสิทธิผลของยา ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย โดยใช้ค่าพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์/เภสัชพลนศาสตร์ (T > MIC ร้อยละ 80) เมื่อพิจารณาจากระดับยารวมในพลาสมา พบว่ายาเซฟไตรอะโซนมีประสิทธิผลในการฆ่าเชื้อ Salmonella, S. pneumoniae, K.pneumoniae, E. coli และ S. aureus แต่ไม่มีประสิทธิผลในการฆ่าเชื้อ P. aeruginosa อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากระดับยาอิสระในพลาสมา พบว่า ยาเซฟไตรอะโซนไม่มีประสิทธิผลในการฆ่าเชื้อ K. pneumoniae, E. coli, S. aureus และ P. aeruginosa สรุป: ยาเซฟไตรอะโซนขนาด 1 กรัม วันละครั้ง ทางหลอดเลือดดำ โดยหยดยานาน 30 นาที อาจมีผลทำให้ T > MIC มีค่าน้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นจึงแนะนำการเพิ่มค่า T > MIC ให้สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มขนาดยา หรือลดระยะห่างของการให้ยา หรือเพิ่มระยะเวลาการให้ยาให้นานขึ้นคำสำคัญ: เภสัชจลนศาสตร์, เซฟไตรอะโซน, ผู้ป่วยโรคเบต้า-ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอีDownloads
Download data is not yet available.
Downloads
Published
2009-09-01
Issue
Section
Original Research Article - นิพนธ์ต้นฉบับ
License
ลิขสิทธิ์ (Copyright)
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ถือเป็นสิทธิ์ของไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ การนำข้อความใด ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของต้นฉบับไปตีพิมพ์ใหม่จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของต้นฉบับและวารสารก่อน
ความรับผิดชอบ (Responsibility)
ผลการวิจัยและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์ ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์