โครงข่ายการตลาดเพื่อสร้างรายได้แก่วิสาหกิจชุมชนขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 : สมุทรปราการโมเดล
Marketing Network for Creating Incomes for Small Community Enterprises Affected by the COVID-19 Pandemic: a Samutprakarn Model
Keywords:
จังหวัดสมุทรปราการ, โครงข่ายการตลาด, โควิด-19, ตัวแบบเชิงธุรกิจAbstract
ชุดโครงการวิจัยโครงข่ายการตลาดเพื่อสร้างรายได้แก่วิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 : สมุทรปราการโมเดลนี้ กำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยไว้ 5 ประการ ได้แก่ (1) เพื่อพัฒนาโครงข่ายการตลาดให้กับวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็ก ทำให้เกษตรกร/แรงงานภาคบริการที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิ 30% หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 10,000 บาทต่อครัวเรือน (2) เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กโดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้มีมูลค่าสูงขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค (3) เพื่อสร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการโครงข่ายการตลาดวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ในสภาวะวิกฤต (4) เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของคนฐานรากทั้งในภาคการเกษตร และภาคบริการ ให้มีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น ผ่านกระบวนการเสริมและพัฒนาทักษะที่มีอยู่เดิม หรือการสร้างทักษะใหม่ และ (5) เพื่อบริหารจัดการงานวิจัย ประเมินผลกระทบของโครงการบริหารจัดการภาคีเครือข่ายและบริหารจัดการกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการสื่อสารผลงานวิจัยสู่สาธารณะไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยชุดโครงการวิจัยนี้ ประกอบไปด้วย 6 โครงการวิจัยย่อย เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ตั้งไว้ ชุดโครงการวิจัยนี้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และมีวิธีการดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ วิธีการดำเนินการวิจัยของชุดโครงการวิจัย และวิธีการดำเนินการวิจัยในโครงการวิจัยย่อย โดยมีเกษตรกร และผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กเข้าร่วม จำนวน 312 ครัวเรือน เกิดการสร้างนวัตกร จำนวน 13 ราย สร้างรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิ 30% จำนวน 97 ครัวเรือน เกิดผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการยกระดับและมาตรฐาน จำนวน 14 ผลงาน ซึ่งได้มีการจัดจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้แล้ว จำนวน 11 ผลงาน เกิดชุดความรู้ตัวแบบเชิงธุรกิจที่พร้อมขยายผล จำนวน 6 ชุดความรู้ เกิดการสื่อสารผลงานวิจัยสู่สาธารณะผ่านช่องทางต่าง ๆ จำนวน 5 ช่องทาง ซึ่งสร้างผลงานมากกว่า 50 ชิ้น เกิดเวที เพื่อสรุปผล ถอดบทเรียน ออกแบบและสร้างกลไกการบริหารจัดการกลุ่มโครงข่ายการตลาดวิสาหกิจชุมชน จำนวน 2 ครั้ง ทั้งกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนชนาดเล็ก และกลุ่มภาคีเครือข่ายภาครัฐ และภาคเอกชน ผลการศึกษาวิจัยข้างต้น ได้นำไปสู่การสร้างข้อเสนอเชิงนโยบายระดับพื้นที่และได้โครงการนำร่องของจังหวัดสมุทรปราการเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 รวมทั้งกลไกจังหวัดขับเคลื่อน ตัวแบบเชิงธุรกิจสมุทรปราการที่ประกอบด้วยภาคประชาสังคม (ผู้ประกอบการ/ชาวบ้าน) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย (นักวิชาการ) ที่มาจากการถอดบทเรียนร่วมกัน (The objectives of this research project are 1) to develop a marketing network for small community enterprises, making farmers and/or workers of the service sector gain a 30 percent increase in income or 10,000 baht per household, 2) to raise product qualities and standards of small community enterprises using science, technology, and innovations. This will add value to the products according to consumer requirements, 3) to create managerial and effective systems and devices of marketing network of small community enterprises. This assists them to be self-reliance in crisis, 4) to develop knowledge and skills of people in farming and service sectors through reskilling and upskilling training, and 5) to administer research, network partners, and targeted groups to assess project influences and to publicize the research to targeted groups. To achieve the research objectives, this project comprised of six sub-projects.This research project uses participatory action research methods. The research method is divided into two parts: the research method of the research project and methods for conducting research in sub-projects. Research main participants are 312 farmers and entrepreneurs of small community enterprises’ households. Thirteen innovators were trained. Ninety-seven households have a 30 percent increase in income. Fourteen products were developed and standardized; eleven products were marketed and gained income. Six titles of original knowledge for business possibilities were composed. Reports of the research project were publicized through five various channels and over fifty works were presented. Two discussion forums were held, for outcomes summarizing; lessons concluding; and designing and creating management mechanisms of community enterprises marketing networks, which included farmers, small community enterprise entrepreneurs, and network partners– state and private sectors.This research has policy suggestions for local areas. An initiative project of promotion for small community enterprises in Samutprakarn Province affected by the COVID-19 pandemic. A driving mechanism of the Samutprakarn business model, comprising of the social sector– entrepreneurs and community members, state sector, private sector, and academic institute– scholars, joining in extracting collective lessons)References
กฤษณะ หลักคงคา. (2564). ช่องทางการตลาดสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุคโควิด-19. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 8(3): 318-336.
ปิยกนิฏฐ์ โชติวนิช และคณะ. (2560). การพัฒนาช่องทางการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์หวดนึ่งข้าวอัจฉริยะของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจักสานเชิงนวัตกรรม. วารสาร มทร. อีสาน ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. 4(2): 1-15.
มณีรัตน์ รัตนพันธ์. (2559). แนวทางพัฒนาส่วนประสมทางการตลาดของขนมทองม้วนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จังหวัดสงขลา. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. 36(4): 63-75.
มาลินี คำเครือ และธีระพันธ์ โชคอุดมชัย. (2562). กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดออนไลน์ที่มีผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าโอทอปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดกาญจนบุรี. วารสารวิจัยราชภัฏกรุงเก่า. 6(1): 1-7.
ยุพิน พิทยาวัฒนชัย. (2550). การจัดการช่องทางการตลาด. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ซี.วี.แอล การพิมพ์.
ศิริอมร กาวีระ. (2560). แนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดกลุ่มน้ำพริกเกษตรกรบ้านแม่ไข อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น. 11(1): 244-256.
อุทิศ ทาหอม และสุนันท์ เสนารัตน์ (2562). แนวทางการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสินค้าทางวัฒนธรรมขนมทองม้วนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. 14(1): 7-25.
Kotler P. (2009). Marketing Management. 13rd ed. New Jersey: Prentice-Hall, Inc.


