การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวน โดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวนโดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้หลักสูตรเสริมสร้างทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวนโดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรจากเอกสาร ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์ปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 5 คน ระยะที่ 2 ออกแบบและพัฒนาหลักสูตร ระยะที่ 3 ทดลองใช้หลักสูตร และระยะที่ 4 ประเมินประสิทธิผลของหลักสูตร กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ จำนวน 15 คน โดยการสุ่มแบบกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า 1) หลักสูตรเสริมสร้างทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวน โดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย หลักการของหลักสูตร จุดประสงค์ของหลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล 2) องค์ประกอบของทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ การคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น และมีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ 3) ประสิทธิผลของหลักสูตรเสริมสร้างทักษะการเป็น นวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยมีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 80.00/86.92 4) คะแนนเฉลี่ยทักษะการเป็นนวัตกรทางภูมิปัญญาผ้าไทยพวนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในช่วงหลังเรียนพบว่าพบว่ามีความแตกต่างกับเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีค่าสูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ .05Downloads
Downloads
Published
Issue
Section
License
1) ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
2) เนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร และบทความต้องไม่คัดลอกผลงานของบุคคลอื่น
3) ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
4) ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน”
5) ต้องปรับบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ของวารสาร
6) ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
7) ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น กรณีที่มีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
8) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา บทความจะต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารฉบับอื่น หากตรวจสอบพบว่ามีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว โดยผู้เขียนจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการพิจารณาบทความดังกล่าว
9) ไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิงหรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง ควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
10) ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้และ / หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (หากมี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ