การพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาโดยใช้รูปแบบ ST2C Model เพื่อยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง”
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ 1) พัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาโดยใช้รูปแบบ ST2C Model เพื่อยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง” และ 2) ประเมินประสิทธิผลของนวัตกรรมการจัดการศึกษาโดยใช้รูปแบบ ST2C Model เพื่อยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง” โครงการวิจัยนี้ดำเนินการวิจัยโดยใช้การวิจัยเชิงผสานวิธี (mixed method) กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยครูปฐมวัยจำนวน 2 คน และเด็กปฐมวัยจำนวน 29 คน จากโรงเรียนวัดหนองคุ้ม จังหวัดปราจีนบุรี ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงและกลุ่มเป้าหมายสมัครใจและยินดีให้ข้อมูลการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถาม แผนการจัดกิจกรรม แบบบันทึกผลการจัดกิจกรรม และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า 1) นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง” ที่เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาคือรูปแบบ ST2C Model ประกอบด้วย S (School): สถานศึกษาพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ T (Teacher): ครูปฐมวัยมีศักยภาพด้านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยอย่างเต็มศักยภาพ C (Classroom): การออกแบบห้องเรียนสำหรับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพตามบริบทของสถานศึกษา C (Community): การบริหารจัดการศึกษาที่เน้นทุกฝ่ายมีส่วนร่วม 2) ผลการศึกษาประสิทธิผลของนวัตกรรมการจัดการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง” พบว่า 2.1) ด้านการพัฒนาคุณภาพการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เด็กปฐมวัย พบว่าสถานศึกษาสามารถจัดทำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่คลุมพัฒนาการของเด็กทั้ง 4 ด้าน สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น ครูสามารถจัดกิจกรรมบูรณาการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่เหมาะสมกับวัย และครูสามารถประเมินพัฒนาการของเด็กอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง 2.2) ด้านการบริหารจัดการสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย พบว่าสถานศึกษาสามารถบริหารจัดการการจัดการศึกษาโดยใช้รูปแบบ ST2C Model ที่เน้นทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบโดยใช้วงจรคุณภาพ PDCA ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลระดับชาติและเป็นแนวปฏิบัติที่ดี และ 2.3) ด้านผลลัพธ์คุณภาพของเด็กปฐมวัย พบว่าเด็กมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน สมวัยเต็มศักยภาพทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา นอกจากนี้กิจกรรมยังส่งเสริมคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ให้เด็กมีคุณธรรม จริยธรรม รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มีความสุข และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขตามแนวคิด “เด็กดี วิถีพอเพียง” ผลที่ได้การวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานด้านการศึกษาในการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยที่เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาต่อไปDownloads
Downloads
Published
Issue
Section
License
1) ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
2) เนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร และบทความต้องไม่คัดลอกผลงานของบุคคลอื่น
3) ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
4) ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน”
5) ต้องปรับบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ของวารสาร
6) ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
7) ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น กรณีที่มีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
8) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา บทความจะต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารฉบับอื่น หากตรวจสอบพบว่ามีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว โดยผู้เขียนจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการพิจารณาบทความดังกล่าว
9) ไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิงหรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง ควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
10) ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้และ / หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (หากมี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ