การพัฒนาเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมายของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น
Keywords:
ทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย, เครื่องมือคัดกรองความเสี่ยง, ผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้นAbstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์องค์ประกอบด้านเนื้อหาและด้านรูปแบบของเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพของผู้เรียนในชั้นประถมศึกษาตอนต้น (2) พัฒนาเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย ฯ และ (3) ตรวจคุณภาพเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย ฯ ใช้การวิจัยเชิงผสมผสานวิธี (Exploratory Sequential Mixed Methods Design) แบ่งเป็น 2 ระยะการวิจัย ได้แก่ ระยะพัฒนาเครื่องมือ ประกอบด้วย (1) แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับทักษะการฟังเพื่อจับใจความในผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น (สำหรับครูผู้สอน) (2) แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับทักษะการฟังเพื่อจับใจความในผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น (สำหรับผู้เชี่ยวชาญ) (3) เครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย ฯ และ (4) แบบทดสอบการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมายฯ ที่ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา ระยะทดลองใช้เครื่องมือ ประกอบด้วย (1) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย ฯ และ (2) เครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงด้านทักษะการฟังเพื่อจับใจความและสื่อความหมาย ฯ ผลการวิจัยพบว่า (1) เครื่องมือพัฒนาในรูปแบบรายการตรวจสอบ (Checklist) จำนวน 20 ข้อ ครอบคลุมพฤติกรรมการฟัง 7 ด้าน ได้แก่ การตอบคำถาม การปฏิบัติตามคำสั่ง การถ่ายทอดสาร ความสนใจ สมาธิ การสรุปใจความ และการตั้งคำถามตรงประเด็น พร้อมระบบให้คะแนน 3 ระดับ ได้แก่ ไม่เคย บางครั้ง และบ่อยครั้ง (2) เครื่องมือผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ มีค่าดัชนีความตรง (IOC) อยู่ในช่วง 0.60–1.00 และ (3) ผลการวิเคราะห์คุณภาพพบว่าค่าความยากเฉลี่ย 0.68 อำนาจจำแนก 0.67 ค่า CITC ระหว่าง .86–.97 และค่าความเที่ยง Cronbach’s alpha เท่ากับ .99 แสดงถึงคุณภาพของเครื่องมือในระดับสูง อีกทั้งมีความตรงตามสภาพในระดับปานกลาง (r = .471, p < .05) สามารถจำแนกผู้เรียนกลุ่มเสี่ยงได้แม่นยำ และได้รับความเห็นจากครูผู้ใช้จริงว่าเหมาะสม ใช้งานสะดวก และช่วยให้สามารถคัดกรองพฤติกรรมการฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัดด้านเวลาDownloads
References
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. (2563). นักเรียนที่มีความแตกต่างและหลากหลายเรียนร่วมกันได้ในห้องเรียนเดียวกัน. https://www.eef.or.th/translationarticle-24-07-20/
ชัยรัตน์ ถาวรงามยิ่งสกุล, ชนม์ชกรณ์ วรอินทร์, และ ธีรยุทธ ภูเขา. (2558). การพัฒนาความสามารถทางด้านทักษะการฟังภาษาไทย สำหรับนักเรียนชาวเขาที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบตอบสนองด้วยท่าทาง. วารสารการวิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน, 8(2), 135-142. https://doi.org/10.14456/jcdr.v8i2.1030
ดำรง ตุ้มทอง, พัชรินทร์ สิรสุนทร, รัตนะ บัวสนธ์, และ ทวีศักดิ์ ศิริพรไพบูลย์. (2557). ปัญหาเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา : สถานการณ์ความไม่เสมอภาคในสังคมไทย. วารสารคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 10(1), 123–141. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/eJHUSO/article/view/85712
รชยา ภูตะมาตย์. (2559). การวิจัยและพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
วรรณี แกมเกตุ. (2555). วิธีวิทยาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักเลขานุกการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (2561). การติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเรียนรวมสำหรับเด็กพิการและเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ (พิมพ์ครั้งที่ 1). นนทบุรี : บริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.
สถาบันราชานุกูล. (2557). เด็กเรียนรู้ช้า คู่มือสำหรับครู. นนทบุรี :โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.
Atkinson, R. C., & Shiffrin, R. M. (1968). Human memory: A proposed system and its control processes. In K. W. Spence & J. T. Spence (Eds.), The psychology of learning and motivation, (Vol. 2, pp. 89–195). London : Academic Press.
Bruner, J. (1963). The process of education, (pp. 1–54). New York : Alfred A. Knopf, Inc. and Random House.
DeWolfe, T. E. (2023). Jean’s theory of cognitive development. Salem Press Encyclopedia of Health. https://doi.org/10.52622/joal.v2i2.79
Ebert, S. (2020). Theory of mind, language, and reading: Developmental relations from early childhood to early adolescence. Journal of Experimental Child Psychology, 191, Article 104739. https://doi.org/10.1016/j.jecp.2019.104739
Erikson, E. H. (1968). Identity: Youth and crisis. London : W. W. Norton & Company.
Gould, M., & Howson, A. (2021). Erikson's eight stages of development. Salem Press Encyclopedia. Retrieved from https://research-ebsco-com.chula.idm.oclc.org/ c/3q5j6g/viewer/html/4uztqy4cpf
Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2010). Multivariate data analysis, (7th ed.). New Jersey : Pearson.
Nunnally, J. C., & Bernstein, I. H. (1994). Psychometric theory (3rd ed.). New York : McGraw-Hill.
Piaget, J. (1963). The psychology of intelligence. London : Routledge & Kegan Paul.
Shaywitz, S. E., & Shaywitz, B. A. (2020). Dyslexia. OXFORD Review OF Education,46(4), 454-471. https://doi.org/10.1080/03054985.2020.1793545.