การพัฒนารูปแบบการบริหารระบบ “ผ่อกอย” เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดลำปาง
Keywords:
การพัฒนารูปแบบ, รูปแบบการบริหาร, ระบบผ่อกอย, คุณภาพชีวิต, นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ, ศูนย์การศึกษาพิเศษAbstract
การวิจัยครั้งนี้เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารระบบ “ผ่อกอย” เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดลำปาง เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการจำเป็น 2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพ 3) ทดลองภาคสนาม และ 4) ขยายผล กลุ่มเป้าหมายเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบประเมินตนเอง แบบประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการบริหารทุกด้านอยู่ในระดับน้อย ปัญหาอยู่ในระดับมาก และความต้องการจำเป็นอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด 2) รูปแบบ ประกอบด้วย หลักการและแนวคิด วัตถุประสงค์ และระบบและกลไกของรูปแบบ ผลการตรวจสอบด้านความถูกต้อง ความเหมาะสม อรรถประโยชน์ และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด 3) การทดลองภาคสนาม นักเรียนกลุ่มปอดีเพิ่มขึ้น กลุ่มใส่ใจ๋และกลุ่มจ้วยตุ้มลดลง ประเมินตนเองอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ความพึงพอใจในระดับระดับมากถึงมากที่สุด และ 4) การขยายผล นักเรียนกลุ่มปอดีเพิ่มขึ้น กลุ่มใส่ใจ๋และกลุ่มจ้วยตุ้มลดลง ประเมินตนเองอยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุดDownloads
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2543). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด. กรุงเทพฯ : อัดสำเนา.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). คู่มือการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา. สืบค้นจาก https://web.trat-edu.go.th/wp-content/uploads/2023/02/MSC-book1_03102564.pdf
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2546). คู่มือครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนช่วงชั้นที่หนึ่ง- ช่วงชั้นที่สอง (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
จักรภพ เนวะมาตย์. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารระบบการดูแลช่วยเหลือผู้เรียนของวิทยาลัยเทคนิคตากสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (รายงานการวิจัย). ตาก: วิทยาลัยเทคนิคตาก.
ณํฐวุฒิ บุตรทา. (2556). การพัฒนาบุคลากรด้านการใช้โปรแกรมระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนสติวแคร์ (StuCare) โรงเรียนชุมชนวังปลาป้อมวิทยศึกษา อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู. (การศึกษาค้นคว่าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545. (ธันวาคม 2545). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 119 ตอนที่ 123 ก.
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546. (ตุลาคม 2546). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 120 ตอนที่ 95 ก.
ศรัณย์ เปรมสุข. (2566). การพัฒนารูปแบบบริหารเชิงกลยุทธ์ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อเสริมสร้างคุณภาพของนักเรียนมัธยมศึกษา. (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สุวิภา ตั้งก่อสกุล. (2564). การพัฒนาระบบการบริหารจัดการระบบสารสนเทศระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน (Student Support System : SSS) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง. (รายงานการวิจัย). พังงา: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35. (2563). คู่มือการดําเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือ และคุ้มครองนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35. ลำปาง : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2555). อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก Convention on the Rights of the Child และพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก Optional Protocol to the Convention on the Rights of the Child. กรุงเทพฯ: สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ.
อภิสิทธิ์ รอดบำเรอ. (2559). รูปแบบการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษา สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
Cronbach, L.J. (1990). Essentials of psychological testing. (5th ed.). New York: Harper & Row.
Good, C.V. (1973). Dictionary of Education. (3rd ed). New York: McGraw-Hill Book.
Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). "Determining Sample Size for Research Activities". Educational and Psychological Measurement. 30(3): 607 - 610.