วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jindedu วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา ภาควิชาอุตสาหกรรมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ en-US วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา 1905-9450 การศึกษาคู่มือผ่านบทเรียนประเด็นเดียวเรื่องการบำรุงรักษาเครื่องกลึง https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jindedu/article/view/16166 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาคู่มือเรื่องการบำรุงรักษาสภาพเครื่องกลึงผ่านบทเรียนประเด็นเดียว 2) เพื่อประเมินความเหมาะสมของคู่มือเรื่องการบำรุงรักษาสภาพเครื่องกลึงผ่านบทเรียนประเด็นเดียว 3.เพื่อประเมินทักษะในการใช้คู่มือการบำรุงรักษาสภาพเครื่องกลึงผ่านบทเรียนประเด็นเดียว โดยมีเนื้อหาดังนี้ <br />1) การปรับปรุงจุดที่ยากต่อการบำรุงรักษาของเครื่องจักร 2) การตรวจสอบสภาพเครื่องจักร ตามระยะการใช้งาน <br />3) การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างถูกต้อง 4) การบำรุงรักษาเครื่องจักร <br />5) การปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย ผลการประเมินความเหมาะสมของการพัฒนาคู่มือเรื่องการบำรุงรักษาสภาพเครื่องกลึง ผ่านบทเรียนประเด็นเดียว แบ่งหัวข้อพิจารณา ออกเป็น 3 ด้านคือ ด้านเนื้อหา พบว่าอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( = 4.48, = 0.17) และ ด้านรูปแบบ พบว่า อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( = 4.56, = 0.06) และด้านความพึงพอใจ พบว่า อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( = 4.53, = 0.00)</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ :</strong> การบำรุงรักษา , เครื่องกลึง , บทเรียนประเด็นเดียว </p> <p> </p> <p><strong>Abstract</strong></p> <p>The aim of this research is twofold: 1) To Developing a Maintenance Manual for Machine Tools Using OPL Technique. 2) To assess the suitability of the manual on maintenance and care of machining equipment Using OPL Technique 3) To assess proficiency in using the maintenance manual for maintaining and servicing a lathe machine. 1) Improving maintenance-challenging points of the machinery. 2) Inspecting the machine's condition over its usage period. 3) Proper use of tools and equipment in maintenance work. 4) Machinery maintenance. 5) Performing tasks safely. The evaluation results of the manual development on machine tool maintenance through a single-issue lesson are categorized into three aspects: content, format, and satisfaction. In terms of content, it is found to be highly suitable ( = 4.48, = 0.17), while in terms of also highly suitable <br />( = 4.56, = 0.06), Regarding satisfaction, it is found to be highly suitable ( = 4.53, = 0.00)</p> <p> </p> <p><strong>Keywords : </strong>Maintenance, Lathe, OPL (One point lesson)</p> <p> </p> นางสาวฐาณมาศ สังเหล่าแถม เมธา อึ่งทอง น่านน้ำ บัวคล้าย พศิน มัชฌิมา Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา 2024-12-26 2024-12-26 18 1 10 21 ชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jindedu/article/view/16137 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อออกแบบและพัฒนาชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ 2)เพื่อหาประสิทธิภาพชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาโดยใช้ชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ 4) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จำนวน 14 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน พบว่าระดับความคิดเห็น คุณภาพดี ค่าคะแนนแบบฝึกหัด มีคะแนนเฉลี่ย (E1) คิดเป็นร้อยละ 82.25 และมีค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (E2) คิดเป็นร้อยละ 85.23 ผลการวิเคราะห์หาค่าเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาโดยใช้ชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ พบว่าจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งมีคะแนนเต็ม 40 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 24.78 และ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 38.28 จึงสรุปได้ว่านักศึกษาที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ระดับความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อชุดจำลองปฏิบัติการเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ ภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( =4.35, S.D = 0.39)</p> <p><strong> </strong></p> <p><strong>คำสำคัญ </strong><strong>:</strong> ชุดจำลองปฏิบัติการ, เครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ, ประสิทธิภาพ </p> <p><strong>Abstract</strong></p> <p>This research aims to 1) design and develop a 4-stroke gasoline engine simulation set and 2) find out the efficiency of a 4-stroke gasoline engine simulation set. 3) study the academic achievement of students using the simulator. Operating a 4-stroke gasoline engine. 4) Studying the satisfaction level of students with the 4-stroke gasoline engine operating simulation set. The sample group was undergraduate students. Bachelor of Industrial Education Program Department of Mechanical Engineering Faculty of Industrial Education Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, a total of 14 people, which were obtained through purposive selection. Data analysis results Creation of a 4-stroke gasoline engine operating simulation set evaluated by 5 experts. It was found that the level of opinions was of good quality and the exercise score values The average score (E1) was 82.25 percent and the average post-study score (E2) was 85.23 percent. The results of the comparative analysis of student academic achievement using a 4-stroke gasoline engine operating simulator were found. that from the academic achievement test which has a full score of 40 points, with an average score before studying equal to 24.78 and an average score after studying equal to 38.28. It can be concluded that students who learned with a 4-stroke gasoline engine operating simulation set had high academic achievement after studying. than before studying Statistically significant at the 0.05 level, the level of student satisfaction with the 4-stroke gasoline engine operating simulation set is overall at a high level <br />(= 4.35,S.D = 0.39)</p> <p> </p> <p><strong>Keywords : </strong>Operating simulation set, 4-stroke gasoline engine, Performance</p> <p><br /><br /><br /></p> chaiyong siriphonmongkolchai Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา 2024-12-26 2024-12-26 18 1 22 36 THE FABRICATION OF BIOMASS CHARCOAL BY 100-LITTER CHARCOAL OVEN FOR INDUSTRIAL APPLICATION https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jindedu/article/view/16412 <p><strong>Abstract </strong></p> <p>Which the oven had the average temperature for 435.2 <sup>o</sup>C. In baking each type of wood would take the difference time due to the density of wood had difference with biomass charcoal was analyzed the pores, morphologies and dye absorption properties by Scanning Electron Microscope (SEM) and UV/VIS spectrophotometer respectively. All charcoal had adsorption rate to difference because the density and pores of charcoal. In experiment founded that takian charcoal could be the bast absorbing with it had the average absorption value for 0.28 nanometer due to it was hardwood and high density. Moreover, It had the large number of microporous morphologies vice versa, biomass charcoal for the least absorption that was stump charcoal for 0.05 nanometer because it was low density wood and it had the least pores among all charcoal. In part of rubber charcoal, neem charcoal and bamboo charcoal had the similar adsorption rates about <br />0.12 - 0.15 nanometer due to it had the similar morphologies and pores.</p> <p> </p> <p><strong>Keywords;</strong> Biomass charcoal, Porosity, Absorption</p> <p> </p> komkit seepan Mintra Trongtorkarn Nuntarat Sookpunya Kittikhun Seawsakul Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา 2024-12-26 2024-12-26 18 1 37 45 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนการคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะแววนวัตกรในอุตสาหกรรมบริการ https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jindedu/article/view/16200 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> คุณลักษณะแววนวัตกรเป็นคุณสมบัติของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมบริการ ผลจากการวิจัยเป็นการพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมบริการที่จะส่งผลต่อคุณภาพการบริการในอนาคต การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนการคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะแววนวัตกรในอุตสาหกรรมบริการ 2) เพื่อประเมินคุณลักษณะแววนวัตกรในอุตสาหกรรมบริการ ประชากรที่ศึกษา ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขานวัตกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ คณะศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชั้นปีที่ 1 จำนวน 2 กลุ่มเรียน 87 คน เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย 1) รูปแบบการเรียนการสอนการคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะแววนวัตกรฯ 2) แบบประเมินคุณภาพรูปแบบการเรียนการสอนฯ 3) แบบประเมินคุณลักษณะแววนวัตกร วิธีวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&amp;D) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบการเรียนการสอนการคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะแววนวัตกรในอุตสาหกรรมบริการสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี (BK-IDEA) ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ (1) เติมเต็มพื้นฐาน (B: Basic of Knowledge) (2) สืบสารช่องว่าง (K: Knowledge Gap) (3) สรรค์สร้างอัตลักษณ์นวัตกรรม (I: Innovation Identity) (4) จัดทำแผนที่ความคิด (D: Design Innovation Thinking) (5) สาธิตประเมินผล (E: Evaluate) และ (6) ปรับผลต่อยอด (A: Adjust and Action) และมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (mean 4.53, SD= 0.44) 2) คุณลักษณะแววนวัตกรอยู่ในระดับมาก (mean 4.01)</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ </strong><strong>:</strong> รูปแบบการเรียนการสอน, คุณลักษณะแววนวัตกร, อุตสาหกรรมบริการ</p> <p> </p> <p><strong>Abstract</strong></p> <p>Innovative characteristics are traits that 21st-century learners need to meet the demands of the job market in the service industry. This research aims to: 1) develop an innovative thinking teaching model to enhance the characteristics of innovators in the service industry for undergraduate students; and 2) evaluate these characteristics among undergraduate students. The population comprised first-year undergraduate students from the Tourism and Service Innovation Branch, Faculty of Liberal Arts, King Mongkut's Institute of Technology Ladkrabang, specifically 87 students across 2 groups. The research instruments include: 1) an innovative thinking teaching model designed to enhance innovator characteristics; 2) a quality evaluation form for teaching and learning models; and 3) an evaluation form for innovator characteristics. The research method is research and development (R&amp;D). The statistical analyses used in the research include mean and standard deviation. The research findings indicate that: 1) The innovative thinking teaching model for enhancing innovator characteristics in the service industry for undergraduate students (BK-IDEA) consists of six main steps: (1) Basic Knowledge Acquisition (B: Basic Knowledge), (2) Gap Identification (K: Knowledge Gap), (3) Innovation Identity Creation (I: Innovation Identity), (4) Designing Innovation Thinking (D: Design Innovation Thinking), (5) Evaluation Demonstration (E: Evaluate), and (6) Further Adjustment and Action (A: Adjust and Action). This model maintains a high level of quality (mean = 4.53, SD = 0.44). 2) The innovative characteristics among undergraduate students are assessed to be at a high level (mean = 4.01).</p> <p><strong>Keywords : </strong>Innovative Instructional, Innovators Characteristics, Service Industry</p> <p> </p> พัชรภรณ์ สุนทรวิบูลย์ Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา 2024-12-26 2024-12-26 18 1 46 62