โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปากและสภาวะอนามัยช่องปากของวัยรุ่นตอนต้น
Abstract
A Causal Relationship Model of Oral Hygiene Care Behavior and the Oral Hygiene Status of Early Adolescentsบทคัดย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบความกลมกลืนของโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปากตามสมมติฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และเพื่อศึกษาขนาดอิทธิพลของปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีต่อพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปากของวัยรุ่นตอนต้น โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 391 คน โมเดลตามสมมติฐาน ประกอบด้วยตัวแปรแฝง 7 ตัว ที่วัดค่ามาจากตัวแปรสังเกตได้ 15 ตัว ประกอบด้วย ตัวแปรแฝงภายนอก ได้แก่ 1) ความรู้เรื่องโรคและอนามัยช่องปาก 2) สิ่งจูงใจให้ปฏิบัติ และ 3) การรับรู้ต่อภาวะคุกคามของโรค ตัวแปรแฝงภายใน ได้แก่ 1) เจตคติที่ดีต่อการดูแลอนามัยช่องปาก 2) ปัจจัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3) พฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปาก และ 4) สภาวะอนามัยช่องปาก เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 6 ระดับ และแบบตรวจอนามัยช่องปาก วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐานและลิสเรล ผลการวิจัยพบว่า โมเดลความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุตามสมมติฐานมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า χ2=132.87, df=75, p-value=0.001, χ2/ df=1.77; RMSEA=0.044 ;RMR=0.053; CFI=0.94; AGFI=0.93; GFI=0.96 และปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงต่อพฤติกรรม การดูแลอนามัยช่องปาก คือ ปัจจัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีค่าอิทธิพล เท่ากับ .54 ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปาก คือ ความรู้เรื่องโรคและอนามัยช่องปาก เจตคติที่ดีต่อการดูแลอนามัยช่องปาก การรับรู้ต่อภาวะคุกคามของโรค และสิ่งจูงใจให้ปฏิบัติ โดยมีค่าอิทธิพลเท่ากับ .13 .45, -.32 และ .10 ตามลำดับ ตัวแปรความรู้เรื่องโรคและอนามัยช่องปาก เจตคติที่ดีต่อการดูแลอนามัยช่องปาก การรับรู้ต่อภาวะคุกคามของโรค และสิ่งจูงใจให้ปฏิบัติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปาก ได้ร้อยละ 30 คำสำคัญ: พฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปาก ปัจจัยเชิงสาเหตุ วัยรุ่นตอนต้นDownloads
Published
2014-08-01
Issue
Section
บทความวิจัย/ปริญญานิพนธ์